Thursday, September 06, 2007

เรื่องสั้น



คุณจะรู้สึกอย่างไร..ถ้าได้เจอคนรักเก่าที่พรากจากกันถึง 13 ปี ตอน เพราะโลกหมุนวน คน 2 คนจึงได้มาเจอกัน

ช่วงเวลาที่ใช้สำหรับการตัดสินใจ ฉันบอกเขาไปว่า วันนี้ฉันมีสอนนักศึกษาภาคสมทบ ต้องเลิกค่ำหน่อย ไม่แน่ใจว่าจะสะดวกหรือเปล่า ฉันขอให้คำตอบเขาช่วงเย็น เขาบอกหลังเลิกสัมมนาแล้ว เขาจะโทรมาอีกครั้ง ระหว่างนั้น ฉันโทรหาพี่ปุ้ม (พี่ชายคนนึง) ที่ฉันให้ความเคารพนับถืออย่างมาก ซึ่งพี่คนนี้ก็เคยรู้เรื่องของฉันกับเขามาแล้ว ฉันขอคำปรึกษาว่า ฉันควรทำอย่างไรดี (ซึ่ง จริงๆแล้ว ฉันได้ตัดสินใจลงไปแล้ว ว่าจะให้คำตอบเขาไปว่าอย่างไร แต่การฟังคำแนะนำจากคนที่หวังดี และไว้ใจได้อย่างพี่คนนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ฉันไม่ควรมองข้าม) พี่ปุ้มบอกว่า การพบกันระหว่างฉันกับเขา ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ขอให้คิดว่า เราแค่ไปเจอเพื่อนเก่าคนนึง ที่ไม่ได้เจอกันมานานมากแค่นั้นเอง แล้วถ้าเพื่อนกัน จะต้องมาเจอกัน จะเป็นไรไป..ขอแค่เราอย่าคาดหวังกับการเจอกันในครั้งนี้ อย่าไปคิดว่า เราจะเจออะไร หรือไม่เจออะไร..ถ้าเราคาดหวัง เรามีข้อกำหนดไว้ในใจอย่างนี้แล้ว ถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้น เราจะผิดหวัง เสียใจ..ขอให้เปิดใจ และคิดว่า เขาคือเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น..ซึ่งเพื่อนคนนี้ เราไม่ได้เจอเขานานมาก ซึ่งแน่นอน ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งตัวเขาและตัวเรา ซึ่งก็น่าเท่ากับคนที่เพิ่งทำความรู้จักกันใหม่เสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเปลี่ยนไปจากเดิม ก็ต้องไม่รู้สึกอะไร ทั้งนั้นนะ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ การไม่คาดหวังต่ออะไรเลย ย่อมจะดีที่สุด ฉันบอกพี่ปุ้มว่า แต่ฉันกลัว ฉันกลัวว่า ฉันจะปิดบังอาการตื่นเต้น ดีใจของฉันไม่มิด ฉันกลัวว่า สายตาฉันมันจะฟ้องว่าหัวใจของฉัน มันยังคงอยู่ที่เขาคนเดียว ฉันอาย ถ้าเขาจะรู้ความจริงบางอย่างนี้..ฉันควรจะทำอย่างไร พี่ปุ้มบอกว่า ก็ไม่เป็นไร เราก็เป็นตัวของเราเองนี่แหละ การจะปิดบังความในใจของตัวเอง ด้วยการเสแสร้ง ทำเย็นชา ห่างเหิน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องทำแบบนั้น อึดอัดใจกันเปล่าๆ..ที่สำคัญก็คือ ฉันกับเขา รู้จัก ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ว่าฉันเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น สายตาจะปิดไม่มิด ก็ช่าง ถ้าเราดีใจ อาการดีใจมันจะออกมา ก็ไม่ต้องไปสน...ฉันโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว มันจะมีอาการอะไรออกไปบ้าง มันก็ยังคงมีกรอบในตัวของมัน พี่ปุ้มรู้ว่าฉันตื่นเต้นมาก จากน้ำเสียงตะกุก ตะกัก ร้อนรน การเรียบเรียงเรื่องวกวน สับสน ในช่วงแรกๆที่เล่าให้เขาฟัง ทำให้พี่ปุ้มรู้ว่า ฉันค่อนข้าง nerveพอสมควร พี่ปุ้มให้กำลังใจฉัน ให้ฉันใจเย็นๆๆ ไม่ต้องตื่นเต้น พี่ปุ้มแนะนำให้ฉันตอบรับการชวนของเขา (ในเมื่อฉันรอวันดีๆอย่างนี้มาทั้งชีวิต ทำไมฉันจะต้องวิ่งหนีมัน) แล้วรายงานให้พี่ปุ้มทราบด้วย หลังจากนั้น เมื่อเขาโทรมาอีกครั้ง ฉันตอบรับการนัดครั้งนี้ของเรา เรานัดกันที่ห้างสรรพสินค้าชานเมืองกรุงเทพ..ใกล้เวลานัด ขณะที่ฉันขับรถไปยังที่นัดหมาย ฉันยิ่งตื่นเต้นหนักขึ้น มือไม้เย็นเฉียบ หัวใจเต้นโครมครามอยู่ตลอดเวลา ฉันกลัว...ฉันไม่รู้ว่า เขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เราจะคุยกันอย่างไร คุยเรื่องอะไร ท่าทีที่ขัดเขินของฉัน จะทำให้เขาหัวเราะฉันในใจหรือเปล่า ฯลฯ ความขี้ขลาด ทำให้ฉันแทบขับรถย้อนกลับบ้าน ไม่กล้าไปเจอกับเขา แต่..ฉันได้ยินคำแนะนำของพี่ปุ้มดังอยู่ในใจ ฉันต้องไม่คิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด ฉันต้องไม่คาดหวังกับอะไรทั้งนั้น ทำตัวสบายๆ เป็นตัวของตัวเอง อะไรจะเกิด ก็ปล่อยมันเป็นไป.. และแล้ว ฉันก็มาถึงที่หมาย เขารอฉันอยู่ในห้างสรรพสินค้า เมื่อฉันขับรถเข้ามาเพื่อหาที่จอดรถ ฉันสะดุดตาเข้ากับร้านอาหารนึง อยู่ในบริเวณห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่นั้น เป็นร้านอาหารบรรยากาศดี ลักษณะเป็นลานโล่งๆ มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง ตกแต่งร้านอย่างสวยงาม ถูกใจฉัน ฉันจึงโทรบอกเขาว่า ฉันรอเขาอยู่ที่ร้านนี้ ให้เขาเดินมาเจอได้ที่นี่ เพียงแค่ 5 นาที ฉันเห็นผู้ชายคนนึง เดินเข้ามาในร้าน เสื่อยืดโปโล สีขาว ขริบแดง ขับผิวเขาให้เด่นยิ่งขึ้น กางเกงสแลค สีน้ำตาลเข้ม ตัดจากผ้าเนื้อดี ฝีมือปราณีต ทำให้บุคลิกของผู้ชายคนนี้โดดเด่น สง่างาม รูปร่างสูง โปร่ง ไหล่กว้าง ไม่มีไขมันส่วนเกินใดๆปรากฏให้เห็น ต้องถือว่า ผู้ชายคนนี้ ยังดูดีอยู่มากเขาเดินเข้ามาใกล้ สายตาไล่เลียงทีละโต๊ะ เพื่อมองหาใครคนนึง ฉันโบกมือทักทายเป็นสัญญาณให้เขารู้ว่า คนที่เขากำลังมองหา นั่งอยู่โต๊ะนี้ ฉันลุกขึ้นยืนไหว้เขา เขารับไหว้และยิ้มให้ เป็นยิ้มที่ฉันรู้สึกได้ว่า เจ้าของรอยยิ้มมีอาการขัดเขินพอตัว ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากว่า อย่างน้อยอาการแบบนี้ ก็ก็ไม่ได้เกิดกับฉันคนเดียว ฉันลอบมองเขาอย่างเงียบๆ ดวงหน้าเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง เครื่องหน้าได้รูป คิ้วเข้มหนา ขับให้ใบหน้าเขาดูคมเข้มขึ้น ขนตาที่งอนยาว(ยิ่งกว่าผู้หญิง) อยู่รอบดวงตาที่ฉายแววอาทร อ่อนโยนอยู่เป็นนิตย์ ไม่มีริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า ในแบบที่คิดว่า คนวัย40 ปีอย่างเขาจะต้องมี ผิวหน้าของเขา บาง เรียบเนียน ทำให้ฉันรู้ว่า เวลาไม่อาจทำร้ายเขาได้เลย..ฉันเสียอีก ที่ดูเปลี่ยนแปลงมากกว่าเขา สิ่งที่ฉันพอจะมองเห็นว่า เขาเปลี่ยนไป นั่นคือผิวที่คล้ำ และทรงผมที่ตัดสั้นขึ้นเท่านั้น นอกนั้นแล้ว ฉันมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆเลย...หรือเขาถูกสต๊าฟไว้ที่อายุ 20 กว่าๆเท่านั้นเอง...ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ เราคุยกันได้ซักพัก เขาบอกว่า วันนี้เขามีเซอร์ไพรส์ฉัน ซึ่งในอีกไม่กี่นาทีนี้ ฉันจะได้พบเซอร์ไพรส์นั้นแล้ว...ฉันถามเขาว่า คืออะไร เขาบอกว่า บอกก็ไม่เซอร์ไพส์ซิ คุณๆช่วยลุ้นกับฉันหน่อยนะคะ...มันคืออะไร

No comments: